เทคนิควิธีการนำทัวร์ของมัคคุเทศก์

 

เทคนิควิธีการนำทัวร์ของมัคคุเทศก์


            ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่า มัคคุเทศก์ หรือที่หลาย ๆ คน เรียกติดปากกันว่า ไกด์ มัคคุเทศก์หรือไกด์ถือเป็นอาชีพหนึ่งที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นอาชีพที่ได้ท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา ได้เดินทางไปพบเจอสิ่งใหม่ ๆ และยังได้ประสบการณ์ในระหว่างการทำงานจากการพบปะกับผู้คนมากมาย

            👉มัคคุเทศก์ หมายถึง  ผู้ที่ทำหน้าที่นำนักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ และให้คำอธิบายแนะนำเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ หรืออาจกล่าวง่าย ๆ ว่าเป็นผู้นำทางหรือชี้ทาง และยังให้ความช่วยเหลือ ข้อมูล ความเข้าใจทางด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์ร่วมสมัยต่าง ๆ แก่บุคคลที่อยู่ในกลุ่มท่องเที่ยว แต่ขอบเขตการทำงานของมัคคุเทศก์นั้นไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่นำเที่ยวเท่านั้น ยังมีหน้าที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เป็นผู้จัดการทัวร์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของลูกทัวร์ จัดสรรเวลาต่าง ๆ ในการเดินทางและทำกิจกรรม และยังเป็นผู้อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งด้านโรงแรม ด้านการรับประทานอาหาร ด้านการเดินทาง และด้านอื่น ๆ เป็นต้น

            จะเห็นได้ว่าหน้าที่ของการเป็นมัคคุเทศก์ต้องมีความรับผิดชอบในหลาย ๆ เรื่อง แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดของการเป็นมัคคุเทศก์ที่ดี และมีประสิทธิภาพได้นั้นจะต้องมีความสามารถในการนำทัวร์ให้น่าสนใจ ดึงดูดผู้ฟังให้ได้มากที่สุด รวมทั้งบุคลิกภาพ การยิ้มแย้ม สายตาที่เป็นมิตร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวเห็นแล้วประทับใจ

            ในครั้งนี้เราจะมาสรุปเทคนิควิธีการนำทัวร์ของมัคคุเทศก์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเด็นสำคัญ ดังต่อไปนี้


1.กระบวนการทำงานของมัคคุเทศก์

            ในช่วงแรกของการนำทัวร์ มัคคุเทศก์จะต้องหาจุดที่เหมาะสมในการยืนอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ ก่อนที่จะเข้าชมด้านใน โดยต้องมีพื้นที่เพียงพอต่อจำนวนลูกทัวร์ ไม่เป็นทางสัญจร ร่มรื่น ไม่แดดมากจนเกินไป และลูกทัวร์ต้องสามารถมองเห็นมัคคุเทศก์ได้สะดวก ซึ่งกระบวนการในการทำงานของมัคคุเทศก์ในช่วงแรกนั้น ประกอบด้วย

1.1   การแนะนำตัว มัคคุเทศก์จะต้องแนะนำตัวเองกับลูกทัวร์ทุกคนตั้งแต่เริ่มแรก อาจพูดเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเพื่อให้ลูกทัวร์สนใจที่จะฟังเรามากขึ้น เช่น ประสบการณ์การเป็นมัคคุเทศก์ให้กับชาวไทยที่ต่างประเทศหรือชาวต่างชาติที่มาเที่ยวที่ประเทศไทย เป็นต้น


1.2   ภาพรวมของโปรแกรมทัวร์ มัคคุเทศก์ควรกล่าวถึงโปรแกรมทัวร์ในภาพรวมว่าในวันนั้นลูกทัวร์จะได้เดินทางไปสถานที่ใดบ้าง มีอะไรน่าสนใจ และจุดไฮไลท์อยู่บริเวณไหน เพื่อให้ลูกทัวร์เตรียมตัวสำหรับการเดินทางและท่องเที่ยวครบทุกสถานที่ตามโปรแกรมที่วางไว้


1.3   แนะนำข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานที่กำลังจะเข้าชม ก่อนที่มัคคุเทศก์จะนำลูกทัวร์เข้าชมภายในของสถานที่นั้น ๆ มัคคุเทศก์จำเป็นต้องพูดถึงข้อมูลเบื้องต้นให้ลูกทัวร์เข้าใจก่อน เช่น ประวัติความเป็นมา การก่อสร้างเมื่อไหร่โดยใคร สำคัญอย่างไร และจุดสนใจหลักคือบริเวณใด เพื่อให้นักท่องเที่ยวภูมิใจที่ได้มา ซึ่งเนื้อหาในส่วนนี้ต้องสั้น กระชับ และเหมาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวนั้น ๆ ด้วย


1.4   ข้อควรระวัง/ ข้อห้าม เป็นสิ่งสำคัญมากที่มัคคุเทศก์ต้องอธิบายให้นักท่องเที่ยวเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถ่ายภาพหรือวิดีโอ เพราะบางสถานอาจมีข้อห้าม เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปไปทำให้โบราณวัตถุเสื่อมสภาพ รวมทั้งเป็นการรักษาสิทธิ์ของผู้เข้าชมรายการอื่น ๆ ที่ต้องการชมโดยไม่ถูกรบกวน นอกจากนี้มัคคุเทศก์ต้องอธิบายเรื่องกฎเกณฑ์และข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไม่รู้มาก่อน อธิบายให้เห็นถึงความแตกต่างของความเชื่อ ศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม และลักษณะร่วมของคนแต่ละชาติ และไม่ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจหรือความเข้าใจผิดระหว่าง เช่น การห้ามสวมหมวกในในวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะวัฒนธรรมของคนไทยมองว่า “ไม่สุภาพ” เป็นต้น

         

                  นอกจากนี้ยังมีเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในขณะเดินชม เช่น ทางต่างระดับ ทางราด และชี้แจงการนัดหมายในเรื่องการเข้าห้องน้ำ เวลาในการเข้าชมในแต่ละสถานที่ และการนัดหมายจุดนัดพบที่ชัดเจนเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวหลงทางได้

  



2. เนื้อหาที่มัคคุเทศก์ควรนำเสนอ  


            การนำทัวร์ที่ดีควรมีเนื้อหาในการพูดที่เหมาะสมและถูกต้อง คลอบคลุมประเด็นสำคัญ และต้องกระชับเข้าใจง่าย โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้


            2.1 พูดใจความสำคัญของเนื้อหา โดยมัคคุเทศก์จักต้องเรียงลำดับความสำคัญของเนื้อหามาก่อน ซึ่งเนื้อหาต้องครอบคลุมว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไม และอย่างไร จุดสำคัญคือต้องกระชับ เข้าใจง่าย


            2.2 เลือกพูดเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจ หลังจากที่มัคคุเทศก์ได้พูดใจความสำคัญจากข้อ 2.1 ไปแล้ว ประเด็นสำคัญต่อมาคือการพูดเรื่องที่กลุ่มของลูกทัวร์ของเราสนใจ โดยประเมินจากช่วงวัย เพศ หรือวัฒนธรรมของกลุ่มนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นชาวไทย ชาวจีน เป็นต้น


            2.3 เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ในส่วนนี้เป็นส่วนเพิ่มเติม อาจจะพูดหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเวลาที่เหมาะสม


             จากที่กล่าวมา เนื้อหาในการพูดทั้งหมดนั้นต้องสามารถเชื่อมโยงในแต่ละที่ได้ ไม่วกไปวนมา และไม่ยาวจนเกินไป


 



3. เทคนิคการนำชมและการพูดของมัคคุเทศก์ที่ดี


            การพูดเป็นศาสตร์และศิลป์อาจจะต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของผู้พูดด้วย มัคคุเทศก์ต้องมีการเตรียมตัวที่ดีสำหรับการอธิบาย การลำดับเนื้อหา ถ่ายทอดด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย รู้จักกาลเทศะ ควรพูดเรื่องใด เวลาใด ใช้ภาษาให้เหมาะสมกับเพศ วัย และสถานการณ์ ประกอบกับท่าทางและสายตา ซึ่งเทคนิคต่าง ๆ สามารถสรุปได้ดังนี้

            3.1 ลักษณะท่าทาง ในขณะที่มัคคุเทศก์กำลังนำเสนออยู่นั้น ควรยืนเอียงประมาณ 45 องศา โดยไม่หันหลังให้กับลูกทัวร์ และไม่จำเป็นต้องดูสิ่งที่เรานำเสนอมากจนเกินไป หรืออย่างมาก คือหันไปมองดูเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ เพราะมัคคุเทศก์ต้องสื่อสารกับลูกทัวร์ตลอดเวลาว่าเข้าใจในสิ่งที่เราอธิบายหรือไม่

            3.2 การใช้ภาษามือ เป็นการช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าใจง่ายขึ้น โดยชี้ไปยังสถานที่ที่กำลังอธิบาย ช่วยบอกตำแหน่งที่ถูกต้อง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรใช้ภาษามือไปเกินความจำเป็น เช่น การแกว่งแขนมากเกินไป ทำให้เสียบุคลิกภาพ และยังทำให้ลูกทัวร์สับสนอีกด้วย

            3.3 บุคลิกภาพ ความมั่นใจเป็นสิ่งที่มัคคุเทศก์พึงมีตลอดเวลา เพราะช่วยให้เราดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ต่อมาคือการยิ้มแย้ม ซึ่งเป็นการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกทัวร์ และการพูดจา ควรระมัดระวังเกี่ยวกับคำพูด น้ำเสียง ปฏิกิริยาของผู้ฟังอยู่เสมอ

            3.4 การให้ลูกทัวร์ได้มีส่วนร่วม โดยการให้ลูกทัวร์ได้ตอบคำถามต่าง ๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่จะทำให้ลูกทัวร์สนใจในการฟังมากขึ้น รู้สึกสนุกสนาน และเกิดความสนิทสนมระหว่างมัคคุเทศก์และลูกทัวร์ ช่วยสร้างมิตรภาพที่ดีซึ่งกันและกัน     

            3.5 การใช้อุปกรณ์เสริม กรณีใช้อุปกรณ์เสริมเป็นวิธีที่จะช่วยให้ลูกทัวร์เข้าใจ และเห็นภาพชัดเจนในขณะที่กำลังอธิบาย เพราะในบางสถานที่มัคคุเทศก์ไม่สามารถเข้าไปอธิบายใกล้ ๆ ได้ พื้นที่แคบ และแออัด จึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ช่วย เช่น ภาพถ่าย เป็นต้น

            3.6 การใช้คำอธิบายลักษณะสิ่งของ หรือเรียกง่าย ๆว่า การใช้คำ adjective เพื่ออธิบายลักษณะสำคัญของสิ่งนั้น ๆ เช่น สี รูปทรง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นสิ่งที่กำลังฟังได้รวดเร็วขึ้น   

            3.7 อื่น ๆ เช่น การใช้สายตาต้องทั่วถึง เพราะมัคคุเทศก์ต้องวิเคราะห์ผู้ฟังตลอดเวลา เทคนิคการตอบคำถาม คือ มัคคุเทศก์ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามยาวจนเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เสียเวลาและลูกทัวร์คนอื่น ๆ อาจจะเบื่อได้ นอกจากนี้การนัดหมายเวลาและสถานที่เป็นส่วนสำคัญทุกครั้งที่มัคคุเทศก์ต้องย้ำและอธิบายอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการพลัดหลงและเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง

 

ที่มา : https://traxasia.com

 

    👉👉เป็นอย่างไรกันบ้าง การเป็นมัคคุเทศก์ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเรานะคะ ซึ่งจะเห็นได้ว่าวิธีการนำทัวร์ ถือเป็นหัวใจของการทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การยิ้มแย้ม การรักษาเวลา การดูแลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และอีกมากมาย เพราะอาชีพมัคคุเทศก์นั้นไม่ได้เป็นเพียงคนนำเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนตัวแทนของประเทศ หรือนักการทูต เนื่องจากมัคคุเทศก์เป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวมากที่สุด ดังนั้นสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศได้ ถ้ามัคคุเทศก์แสดงตนเป็นเจ้าบ้านที่ดี คอยห่วงใย ดูแลเอาใจใส่นักท่องเที่ยว แสดงออกถึงเอกลักษณ์ไทยที่ดีงามและแสดงน้ำใจที่แท้จริงให้นักท่องเที่ยวเห็น ก็จะให้นักท่องเที่ยวประทับใจในการเที่ยวของประเทศนั้น ๆ และกลับมาเยือนอีกในครั้งต่อ ๆ ไป 




🙏🙏🙏🙏THANK YOU 👋👋👋👋👋




อ้างอิงข้อมูล 

Professional English Guide Club Plus Thailand. (2561). PEG guiding techniques modelled after WFTGA at wat po. สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2563, จาก https://www.youtube.com/watch?v=NIF574cG9IU  

 

 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น